ปี 2566

วันที่ 18 พฤศจิกายน – 28 ธันวาคม 2566 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ดำเนินการซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) กังหันผลิตไฟฟ้าชุดแรกแล้วเสร็จตามแผน
BKC ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยโครงการมีกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ มีกำหนดเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2570 ที่อัตราค่าไฟฟ้า 2.1679 บาทต่อหน่วย และมีระยะเวลาสัญญา 25 ปีนับจากวันเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
บริษัทได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรอบสุดท้ายในรางวัล IR Magazine Awards 2023 ประเภท Best ESG Reporting จากการรายงานความยั่งยืนและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานด้าน ESG ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกแก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างโดดเด่น
บริษัทได้รับรางวัล Commended Sustainability Awards จากงาน SET Awards 2023 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
บริษัทได้รับการประเมินให้เป็นหนึ่งใน 34 บริษัทจดทะเบียนที่มีการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนในระดับ ‘AAA’ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
บริษัทได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CG Score) ในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2566 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

XPCL ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Debentures) ครั้งที่ 1/2566 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ รวม 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.15 ต่อปี จำนวน 1,500 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.30 ต่อปี จำนวน 384 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.55 ต่อปี จำนวน 1,616 ล้านบาท

โดย XPCL ได้นำเงินที่ได้จากหุ้นกู้ทั้งจำนวนไปชำระคืนเงินกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงินของ XPCL เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566

บริษัทได้รับรางวัล ESG Corporate Awards 2023 ประเภท Gold และรางวัล Best Initiative – Social Responsibility จากนิตยสาร The Asset ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินชั้นนำของเอเชีย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติของ ESG ที่ได้มาตรฐานระดับสากล และความมุ่งมั่นเพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ได้รับรางวัล CSR-DIW Continuous Award ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
บริษัทได้รับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2023 สาขา Social Empowerment ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก AREA ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย จาก “โครงการหิ่งห้อย” กิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทที่จัดทำอย่างต่อเนื่องกว่า 7 ปี โดยการนำขีดความสามารถของที่มีของบุคลากรในการสร้างพลังงานหมุนเวียนมาต่อยอดเพื่อสร้างคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีและสอดคล้องกับวิถีชุมชนในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้าและพื้นที่ห่างไกล ทั้งในประเทศไทยและ สปป.ลาว
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ภายใต้การลงทุนของ BKC 2 แห่ง คือโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ บางเขนชัย และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ คลองเปรง ได้รับรางวัล CSR-DIW for Beginner Award ประจำปี 2565 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และใส่ใจด้านการพัฒนา ESG เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงต่อเนื่องในระยะยาว
บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน หรือ ESG100 ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันไทยพัฒน์ ด้วยการประเมินข้อมูลด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียน อ้างอิงจากเอกสารรายงานที่บริษัทเผยแพร่ไว้ต่อสาธารณะ โดยบริษัทติดอันดับ 1 ใน 8 บริษัทที่มีคะแนนสูงสุดในกลุ่ม Electric Utilities & Power Generators จากการประเมินในกลุ่มทั้งหมด 67 บริษัท ด้วยการดำเนินงานด้าน ESG ที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง สร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน
บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 691.0 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 157.3 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ
วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 บริษัทได้รับรางวัลจากงาน The European Global Sustainability & ESG Awards 2023 จัดโดย The European ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านธุรกิจจากสหราชอาณาจักร 2 รางวัล ได้แก่
  • Best Leadership in the Sustainable Energy Industry: Mr. Thanawat Trivisvavet – Thailand
  • Best Sustainable Development Strategy Energy Industry
รางวัลดังกล่าวให้ความสำคัญกับองค์กรที่มีการพัฒนากลยุทธ์ด้าน ESG และมีการกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนความยั่งยืนขององค์กรที่โดดเด่น โดยเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจากการเปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2565
เดือนพฤษภาคม 2566 LPCL ได้บรรลุข้อตกลงและเงื่อนไขต่าง ๆ ตามสัญญาสัมปทาน สัญญาซื้อขายไฟฟ้า และสัญญาทางการเงินของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง ครบถ้วนตามแผน โดยโครงการจะมีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 เมกะวัตต์ และจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้กับ กฟผ. ที่อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 4030 บาท/หน่วย และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในช่วงต้นปี 2573
เดือนมีนาคม 2566 บริษัทได้รับ Carbon Champion Certificate ในระดับ Standard Tier จาก Enterprise Asia’s Carbon Champion Programme ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ทำการประเมินผลการดำเนินงานการจัดการคาร์บอนขององค์กรในระดับสากลเป็นครั้งแรก โดยการรับรองพิจารณาจากการดำเนินงานด้านพลังงาน ด้านการปล่อยและการลดก๊าซเรือนกระจก ด้านการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และด้านการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อจัดการก๊าซเรือนกระจก เช่น กลไกราคาคาร์บอน
เดือนกุมภาพันธ์ 2566 บริษัทได้รับรางวัล ESG Corporate Awards 2022 ประเภท Platinum จากนิตยสาร The Asset ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินชั้นนำของเอเชีย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในทุกมิติของ ESG ที่ได้มาตรฐานระดับสากล
บริษัทได้รับรางวัล Best Green Bond Hydropower Plant Framework – Thailand จากงาน The International Finance Awards 2022 จัดโดยนิตยสาร The International Finance Magazine ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินจากสหราชอาณาจักร โดยเป็นรางวัลที่ได้รับจากการจำหน่ายหุ้นกู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ของบริษัท ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการจัดทำ Green Bond Framework ตามมาตรฐาน Green Bond Principles 2021 และ ASEAN Green Bond Standards 2018 ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของ XPCL ได้เป็นอย่างดี
บริษัทได้รับรางวัล Most Sustainable Hydro Power Company in Thailand จากงาน The Global Economics Awards 2022 จัดโดยนิตยสาร The Global Economics Magazine ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินจากสหราชอาณาจักร สะท้อนถึงการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในของโรงไฟฟ้าพลังน้ำของบริษัท

ปี 2565

บริษัทชำระเงินค่าซื้อหุ้นใน LPCL เพิ่มเติมร้อยละ 8.0 จำนวน 2.56 ล้านบาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565
บริษัทได้รับรางวัล ASEAN CG Scorecard (ACGS) ประจำปี 2564 ประเภท ASEAN Asset Class รางวัลดังกล่าวสนับสนุนโดย ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เพื่อยกย่องและประกาศเกียรติคุณให้แก่บริษัทจดทะเบียนในอาเซียนที่ดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการเปิดเผยข้อมูลทางด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องตามมาตรฐานเกณฑ์การลงทุนในระดับสากล
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2655 ของบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันดังนี้
  • การเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญใน LPCL เพิ่มอีกร้อยละ 8.0 และการเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน LPCL ตามสัดส่วนการถือหุ้น
  • การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ LPCL ตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสินเชื่อโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง
  • การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ PTS ตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสินเชื่อโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง
บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนด รวม 1,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.71 ต่อปี เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดในไตรมาส 4 ปี 2565 โดยทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่อันดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัททุกชุด รวมถึงชุดที่เสนอขายในครั้งนี้ที่อันดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่”
บริษัทได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Awards จากงาน SET Awards 2022 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ที่มุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 95% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2567 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
บริษัทได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CG Score) ในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2565 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
บริษัทได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment: THSI) ประจำปี 2565 โดยตลาดหลักทรัพย์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
XPCL ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Debentures) ครั้งที่ 1/2565 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ รวม 8,395 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดเสนอขาย 5,000 ล้านบาท และยอดจัดสรรเพิ่มเติม (Over-allotment Option) อีก 3,395 ล้านบาท แบ่งเป็น
  • หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.50 ต่อปี จำนวน 4,031 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปี จำนวน 1,258 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ต่อปี จำนวน 3,106 ล้านบาท
โดยทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ XPCL ที่อันดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ XPCL ชุดที่เสนอขายในครั้งนี้ที่อันดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” โดย XPCL ได้นำเงินที่ได้จากหุ้นกู้ทั้งจำนวนไปชำระคืนเงินกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงินเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565
บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.080 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 650.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 74.6 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ
LPCL ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจการซื้อขายไฟฟ้า (Tariff MOU) ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบางกับ กฟผ. โดยอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจารายละเอียดและเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.
ในเดือนเมษายน พฤษภาคม และตุลาคม 2565 บริษัทได้ทยอยชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนรวมเป็นจำนวนเงิน 1,209.6 ล้านบาท ตามสัดส่วนการลงทุนใน LPCL
XPCL ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้ง ที่อันดับ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่เชื่อถือได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. โครงสร้างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ดี และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แข่งขันได้ของ XPCL
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ NN2 ที่อันดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันทุกชุดของ NN2 ที่อันดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่อันดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันทุกชุดของบริษัทที่อันดับ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”

ปี 2564

บริษัทได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures Supporter: TCFD Supporter) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและการประเมินความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศให้ได้มาตรฐานระดับสากลมากยิ่งขึ้น

บริษัทได้รับรางวัล The Asset ESG Corporate Awards 2021 ประเภท Gold Award จาก The Asset ซึ่งเป็นนิตยสารการเงินชั้นนำของเอเชีย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในทุกมิติของ ESG ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

บริษัทได้รับรางวัล Asian Power Awards 2021 ประเภท Innovative Power Technology of the Year – Thailand โดยบริษัทได้คิดค้นโครงการและนวัตกรรมที่สามารถลดการใช้พลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดค่าใช้จ่าย โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจเนอเรชั่นของบริษัท

บริษัทได้รับคะแนนในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2564 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยมีอายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.58 ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนด เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ที่อันดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่”

บริษัทชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเงิน 504 ล้านบาท ตามสัดส่วนการลงทุนใน LPCL

บริษัทได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment: THSI) ประจำปี 2564 โดยตลาดหลักทรัพย์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) อย่างเป็นรูปธรรมของบริษัท

บริษัทชำระเงินค่าซื้อหุ้น XPCL เพิ่มเติมร้อยละ 5.0 ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 โดยบริษัทใช้วงเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1,800 ล้านบาทและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในการชำระค่าหุ้นดังกล่าว

บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ รวม 4,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดในไตรมาส 2 ปี 2564 ซื้อสินทรัพย์หรือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ แบ่งเป็น

  • หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.74 ต่อปี จำนวน 1,500 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.45 ต่อปี จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.02 ต่อปี จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนด

โดยทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่อันดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัททุกชุด รวมถึงชุดที่เสนอขายในครั้งนี้ที่อันดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่”

บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.0350 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 284.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 45.6 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่อันดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันทุกชุดของบริษัทที่อันดับ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติอนุมัติการซื้อหุ้น XPCL เพิ่มอีกร้อยละ 5.0 ของทุนจดทะเบียนของ XPCL จากบริษัท พีที จำกัดผู้เดียว (PTS) มูลค่ารวมประมาณ 1,826.55 ล้านบาท (ราคาไม่เกิน 13.60 บาทต่อหุ้น) ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน XPCL เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 37.5 เป็นร้อยละ 42.5

บริษัทชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเงิน 2,170.56 ล้านบาท ตามสัดส่วนการลงทุนใน LPCL

ปี 2563

บริษัทได้รับรางวัล IR Magazine Awards 2020 สาขา Best Crisis Management ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อมและการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี

บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2563 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนรวม 4,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในไตรมาส 2 ของปี 2564 รวมถึงการซื้อสินทรัพย์หรือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ แบ่งเป็น

  • หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.31 ต่อปี จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.62 ต่อปี จำนวน 1,500 ล้านบาท และ
  • หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.76 ต่อปี จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิในการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด

บริษัทได้รับคะแนนในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2563 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

บริษัทซื้อหุ้นของ บริษัท หลวงพระบางพาวเวอร์ จำกัด (“LPCL”) ในสัดส่วนร้อยละ 42 ของทุนจดทะเบียน จากบริษัท พีที จำกัดผู้เดียว เป็นมูลค่ารวม 12.82 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบางที่แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว

บริษัทได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment: THSI) ประจำปี 2563 โดยตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของบริษัท

โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ คลองเปรง กำลังการติดตั้ง 2.67 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินภายใต้การลงทุนของ BKC เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชน

NN2 ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2563 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดและเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน แบ่งเป็น

  • หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.20 ต่อปี จำนวน 400 ล้านบาท และ
  • หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.60 ต่อปี จำนวน 600 ล้านบาท

บริษัทได้รับรางวัล Asian Power Awards 2020 ระดับ Silver ใน 2 ประเภท ได้แก่

  • Natural Gas-fired Power Project of the Year
  • Environmental Upgrade of the Year – Thailand

โดยบริษัทได้คิดค้นโครงการและนวัตกรรมที่สามารถลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และลดค่าใช้จ่ายจากการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ NN2 ที่อันดับ “A/Stable” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ทุกชุดของ NN2 ที่อันดับ “A/Stable”

NN2 ได้ลงนามในสัญญาสินเชื่อจำนวน 1,000 ล้านบาทกับสถาบันการเงิน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการบริหารจัดการสภาพคล่องของบริษัท

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 อนุมัติการขยายวงเงินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท เป็นจำนวนเงินคงค้างไม่เกิน 20,000 ล้านบาท จากวงเงินเดิมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการบริหารจัดการสภาพคล่องของบริษัท

บริษัทได้ลงนามในสัญญาสินเชื่อจำนวน 4,000 ล้านบาทกับสถาบันการเงิน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการบริหารจัดการสภาพคล่องของบริษัท

บริษัทได้เข้าร่วมสมาชิกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (United Nations Global Compact: UNGC) เพื่อดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักการของ UNGC ในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals: UNSDGs)

มีผู้มาใช้สิทธิตาม CKP-W1 ซึ่งเป็นการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย โดยบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 และภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 8,129.4 ล้านบาท และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญจำนวน 13,319.2 ล้านบาท

บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการปี 2562 เนื่องจากมีความจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ออกไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.0300 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 243.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 42.8 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่อันดับ “A/Stable” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันของบริษัทที่อันอับ “A-/Stable”

NN2 ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2563 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนรวม 600 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.45 โดยขายให้กับผู้ลงทุนในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดและเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ NN2 ที่อันดับ “A/Stable” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ทุกชุดของ NN2 ที่อันดับ “A/Stable”

ปี 2562

โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ จำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.รวม 1,220 เมกะวัตต์ และจำหน่ายไฟฟ้ารวม 60 เมกะวัตต์ ให้กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. แล้วตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.

บริษัทได้รับคะแนน CG Score ในระดับ “ดีเลิศ” ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2562 โดยสถาบันกรรมการบริษัทไทย

มีผู้มาใช้สิทธิตาม CKP-W1 จำนวน 165.1 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินจำนวน 990.9 ล้านบาท โดยบริษัท ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 และภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วบริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 8,129.4 ล้านบาท

มีผู้มาใช้สิทธิตาม CKP-W1 จำนวน 594.2 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินจำนวน 3,565.4 ล้านบาท โดยบริษัท ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 และภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้วบริษัทมี ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 7,964.2 ล้านบาท

โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 ดำเนินการซ่อม บำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ตามแผน

บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ ปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.0280 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 206.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 85.7 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ

บริษัทซื้อหุ้นของ SEAN เพิ่ม ในสัดส่วนร้อยละ 5.33 จากบริษัท พีทีโฮลดิ้งส์ลิมิเต็ด เป็นมูลค่ารวม 681.5 ล้านบาท โดย SEAN เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน NN2 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักของบริษัท ส่งผลให้บริษัทเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SEAN จากร้อยละ 56.0 เป็นร้อยละ 61.33 ของทุนจดทะเบียน และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมใน NN2 จากร้อยละ 42.0 เป็นร้อยละ 46.0

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทที่อันดับ “A/Stable” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่อันดับ “A-/Stable”

NN2 ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่1/2562 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่มีประกัน ไม่ด้อยสิทธิมีผู้แทน ผู้ถือหุ้นกู้จำนวนรวม 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • หุ้นกู้อายุ3 ปีประเภททยอยชำระคืนเงินต้น อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ3.18 ต่อปีจำนวน 3,200 ล้านบาท
  • หุ้นกู้อายุ4 ปีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.44 ต่อปีจำนวน 800 ล้านบาท และ หุ้นกู้อายุ8 ปีประเภททยอยชำระคืนเงินต้น อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ3.88 ต่อปีจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยผู้ออกหุ้นกู้ มีสิทธิ์ในการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด

โดย NN2 ได้นำเงินจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว ชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินที่เหลือทั้งหมด เพื่อลด ต้นทุนทางการเงิน

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ NN2 ที่อันดับ “A/Stable” พร้อมทั้งปรับเพิ่มอันดับเครดิต หุ้นกู้ทุกชุดของ NN2 เป็นอันดับ “A/Stable”

BKC ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา และแบบติดตั้งบนพื้นดินจำนวน 6 โครงการ ได้แก่

  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาที่อำเภอ ภาชีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (“โรงไฟฟ้าภาชีโซลาร์”) กำลังการติดตั้ง 0.89 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์2562
  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาที่อำเภอ บางเลน จังหวัดนครปฐม (“โรงไฟฟ้าบางเลน โซลาร์”) กำลังการติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนในเดือนพฤษภาคม 2562
  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาที่อำเภอ สามพราน จังหวัดนครปฐม (“โรงไฟฟ้าพุทธมณฑลสาย 5 โซลาร์”) กำลังการติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนในเดือนมิถุนายน 2562
  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาที่ อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาคร(“โรงไฟฟ้ามหาชัย โซลาร์”) กำลังการติดตั้ง 0.72 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนในเดือนมิถุนายน 2562
  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาที่อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร (“โรงไฟฟ้ากระทุ่มแบน โซลาร์”) กำลังการติดตั้ง 0.51 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนในเดือนกรกฎาคม 2562
  • โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินที่อำเภอคลองเปรง จังหวัดฉะเชิงเทรา (“โรงไฟฟ้าคลองเปรงโซลาร์”)

NN2 เข้าทำสัญญาเช่าสถานีไฟฟ้าย่อยนาบงกับรัฐบาลลาว หลังการปรับปรุงระดับแรงดันไฟฟ้าและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบงแล้วเสร็จ โดยสัญญามีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562

ปี 2561

โครงการไซยะบุรีมีความก้าวหน้า งานก่อสร้างทั้งหมดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 97 โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2562

บริษัทได้รับคะแนนในระดับ “ดีเลิศ” ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการ บริษัทจดทะเบียนประจำปี 2561 โดย สถาบันกรรมการบริษัทไทย

NN2 ได้ดำเนินการงานปรับปรุงยกระดับแรงดันไฟฟ้าและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบงแล้วเสร็จ เพื่อรองรับการส่งไฟฟ้าจากโครงการต่างๆ ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และ ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 2.56 ต่อปี จำนวน 4,000 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 4.06 ต่อปี จำนวน 2,500 ล้านบาท โดยทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตองค์กร ของบริษัทที่ระดับ “A/Stable” และ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทที่ระดับ “A-/Stable” โดยบริษัทได้นำเงินจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวชำระคืน หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2559 ที่ออกและเสนอขาย ในปี 2559 จำนวน 4,000 ล้านบาท และชำระค่าหุ้นของ XPCL ที่บริษัทซื้อเพิ่มเติมจาก BEM ในสัดส่วนร้อยละ 7.5 จำนวน 2,065 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือใช้สำหรับการเพิ่มทุนใน XPCL ที่จะทยอยเรียกชำระจนกระทั่งการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ

ที่ประชุมคณะกรรมการ BKC มีมติอนุมัติการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาและพื้นดินเพื่อผลิตและจำหน่าย ไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนจำนวน 6 โครงการ ที่กำลังการผลิตรวม 6.7 เมกะวัตต์ โดยได้เริ่มทยอยก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2561 และคาดว่าจะเริ่มทยอยผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ครบทั้งหมด ในปี 2562

บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ ปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.0225 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 165.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 57.9 ของกำไรสุทธิ ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 2561 มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นของ XPCL สัดส่วนร้อยละ 7.5 ของทุนจดทะเบียน ของ XPCL คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,065.0 ล้านบาท จาก BEM รวมถึงอนุมัติการชำระเงินค่าหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL จนกว่าโครงการไซยะบุรีจะก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นจำนวนประมาณ 399.2 ล้านบาท

NN2 ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทไม่มีประกัน ไม่ด้อยสิทธิ ทยอยชำระคืนเงินต้น มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิ์นการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด จำนวน 3,000 ล้านบาท อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.98 ต่อปี โดยทริสเรทติ้งได้จัดอันดับ เครดิตองค์กรของ NN2 ที่ระดับ “A/Stable” และจัดอันดับเครดิต หุ้นกู้ของ NN2 ที่ระดับ “A-/Stable” ทั้งนี้ NN2 ได้นำเงินจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวชำระคืนหนี้เงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน

ปี 2560

NN2 ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2560 ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ในวงเงิน 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.59 ต่อปี จำนวน 1,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.48 ต่อปี จำนวน 1,400 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.69 ต่อปี จำนวน 3,600 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“ทริสเรทติ้ง”) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรของ NN2 ที่ระดับ “A/Stable” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ NN2 ที่ระดับ “A-/Stable”

ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ NN2 ครั้งที่ 1/2560 มีมติอนุมัติให้ NN2 ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน ในวงเงินและมูลค่าคงค้างของหุ้นกู้ไม่เกินภาระหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวที่ NN2 มีอยู่กับสถาบันการเงินเป็นสกุลเงินบาท และ/หรือ เงินสกุลต่างประเทศจำนวนเทียบเท่า โดยสามารถออกและเสนอขายเพียงชุดเดียว หรือหลายชุดในคราวเดียวกันหรือหลายคราวก็ได้

BIC ได้เรียกชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนสำหรับการลงทุนในโครงการ BIC2 จนเต็มมูลค่าแล้ว ทำให้ ณ ปัจจุบัน BIC มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้วเป็นจำนวน 2,705 ล้านบาท

โครงการบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (BIC2) เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ โดย BIC2 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 120 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 25 ปี นับจากวันเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ และจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน

บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท รวมเป็นเงินปันผล ทั้งสิ้น 442.2 ล้านบาท

ปี 2559

ได้ลงนามสัญญาเงินกู้ยืมระยะยาวกับกลุ่มสถาบันการเงินผู้ให้กู้ เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้ยืมระยะยาวเดิม และก่อหนี้เพิ่มเพื่อใช้ในการปรับปรุง และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของ NN2 ลดลงและมีสภาพคล่องมากขึ้น

บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2559 ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ในวงเงินรวม 4,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 2559 มีมติอนุมัติ ดังนี้

  • อนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินรวม ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท หรือในเงินสกุลอื่นในจำนวนเทียบเท่า
  • อนุมัติให้ NN2 เข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันเพื่อว่าจ้าง บริษัท ช.การช่าง (ลาว) จำกัด (“CHK”) เป็นผู้ดำเนินงาน ปรับปรุงยกระดับแรงดันไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบง 230 กิโลโวลต์/ 500 กิโลโวลต์ ในวงเงินรวม 799.85 ล้านบาท และ 39.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ไม่รวมภาษี มูลค่าเพิ่ม) เพื่อรองรับการส่งไฟฟ้าจากโครงการต่างๆ ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) กำหนดระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2561

บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 164.4 ล้านบาท

ปี 2558

  • CKP-W1 จำนวน 1,870 ล้านหน่วย เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2562 มีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลง CKP-W1 เป็นหุ้นสามัญจำนวน 594 ล้านหุ้น
  • บริษัทซื้อหุ้น XPCL จาก CK ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็น 805,830,000 หุ้น มูลค่ารวมประมาณ 4,344 ล้านบาท

หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,870 ล้านหุ้น เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

บริษัทลดมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้นจากเดิม 5 บาท เป็น 1 บาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 3,740 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 9,240 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,870 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ส่งผลให้บริษัทมีทุนจดทะเบียน และชำระแล้วจำนวน 7,370 ล้านบาท
  • หุ้นสามัญจำนวน 1,870 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (CKP-W1) จำนวน 1,870 ล้านหน่วย

บริษัทจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.1 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 110 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกของบริษัท

ปี 2557

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2557 มีมติอนุมัติให้ BIC ทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน ว่าจ้าง CK ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (“BIC2”) ในวงเงินรวมไม่เกิน 4,310 ล้านบาท โดยมีกำหนดเวลาการก่อสร้าง 29 เดือน นับจากวันที่ 1 มกราคม 2558 โดย BIC2 เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในช่วงกลางปี 2560

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 มีมติอนุมัติให้บริษัทนำส่วนเกิน มูลค่าหุ้นสามัญจำนวน 170 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสม ในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท

ปี 2556

หุ้นสามัญของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัทจดทะเบียนแปรสภาพเป็น บริษัทมหาชน และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)

บริษัทลดทุนจดทะเบียนจาก 9,200 ล้านบาท เป็น 3,066.7 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 306.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเป็นการลดทุนเพื่อคืนทุนที่ลดลงให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วน ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท เป็น 4,600 ล้านบาท จำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนและลดมูลค่า ที่ตราไว้ต่อหุ้นจากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 5 บาท พร้อมกันนี้ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 4,600 ล้านบาท เป็น 5,500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป

บริษัทซื้อหุ้น BIC เพิ่มเติมจาก บริษัท ที่ดินบางปะอิน จำกัด จำนวน 26,029,999 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของทุนจดทะเบียน ทำให้บริษัทถือหุ้นใน BIC รวมเป็น 89,049,998 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว

ปี 2555

บริษัทซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ และโครงการไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น จาก CK จำนวน 2 บริษัท ได้แก่

  • CRS จำนวน 875,250 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระแล้วร้อยละ 95
  • BIC จำนวน 63,019,999 หุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 46.00 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว

บริษัทซื้อหุ้นสามัญของ SEAN เพิ่มเติมจาก บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด จำนวน 8,809,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.3 ของทุนจดทะเบียน ทำให้บริษัทถือหุ้นใน SEAN รวมเป็น 369,977,999 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว

บริษัทซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ จาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 บริษัท ได้แก่

  • BKC จำนวน 2,342,498 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว
  • NRS จำนวน 664,500 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30.00 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระแล้วร้อยละ 85.06

บริษัทซื้อหุ้นสามัญของ SEAN เพิ่มเติมจาก บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL)1 จำนวน 110,112,500 หุ้น หรือคิดเป็น ร้อยละ 16.7 ของทุนจดทะเบียน ทำให้บริษัทถือหุ้นใน SEAN รวมเป็นจำนวน 361,168,999 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 54.7 ของทุนจดทะเบียน และเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว

ปี 2554

จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทด้วยเงิน ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ให้บริษัทเป็นแกนนำของกลุ่ม ช.การช่าง ที่มุ่งเน้น การลงทุนในธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงาน ประเภทต่างๆ