เรียน ท่านผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) และบริษัทในเครือ ยังคงมุ่งมั่นและดำเนินงานภายใต้แนวคิด การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่พึ่งพิงแหล่งเชื้อเพลิงที่ผันผวนตามเศรษฐกิจโลก สร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าสะอาดที่ดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2566 บริษัทมีรายได้จำนวน 10,941 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 1,462 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13% สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งวิกฤตด้านราคาพลังงาน ภูมิรัฐศาสตร์ และสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งบริษัทยังบรรลุเป้าหมายด้านต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท ประกอบด้วย

ด้านผลประกอบการ: ถึงแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากวิกฤตการณ์สำคัญต่าง ๆ ทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะปรากฎการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการการดำเนินงานของบริษัทผ่านสภาวะความไม่แน่นอนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในปี 2566 จำนวน 1,462 ล้านบาท อีกทั้งยังคงสถานะทางการเงินที่มั่นคงได้อย่างสม่ำเสมอ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.53 เท่า และมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่โรงไฟฟ้าของบริษัททำไว้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และลูกค้ารายอื่นๆ สะท้อนแนวทางการบริหารงานของบริษัทที่สร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ CKPower ได้ออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) เพิ่มเติมในปี 2566 จำนวน 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน Green Bond Principles 2021และ ASEAN Green Bond Standards 2018 โดยการออก Green Bond ดังกล่าวได้ช่วยลดต้นทุน ทางการเงินของ XPCL ท่ามกลางแนวโน้มภาวะดอกเบี้ยโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2566

ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง: บริษัทได้จัดทำรายงานการประเมินความเสี่ยงผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Risk Impact Assessment) และการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk Impact Assessment) ตามมาตรฐาน International Finance Corporation (IFC)'s Performance Standards on Environmental and Social Sustainability และ Equator Principles ปรับปรุงระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และบังคับใช้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อเป็นการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้บริหารตลอดจนพนักงานของบริษัท

ด้านการสร้างความยั่งยืน: ในปี 2566 บริษัทได้จัดทำกระบวนการประเมินสาระสำคัญด้านความยั่งยืนที่สำคัญกับธุรกิจ (Materiality Assessment) และมีการทบทวนเป็นประจำทุกปีตามมาตรฐานการรายงานระดับสากล หรือ Global Reporting Initiative (GRI Standard) โดยในปีนี้เป็นการทำกระบวนการแบบใหม่ คือ Double Materiality ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน GRI Standard 2021 โดยคำนึงถึง ผลกระทบขององค์กรต่อภายนอก (Inside – Out ) และผลกระทบของภายนอกต่อองค์กร (Outside – In) โดยเน้นการมองผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ร่วมกับการประเมินผลกระทบทางการเงิน (Financial Impact) รวมไปถึงการพิจารณาความสำคัญต่อการสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยในปี 2566 บริษัทได้รับรางวัล The Asset ESG Corporate Awards 2023 ระดับ Gold Level จากนิตยสาร The Asset ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินชั้นนำของเอเชีย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัทที่โดดเด่น และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกมิติตามมาตรฐานสากล

นอกจากนี้ CKPower ยังได้รับรางวัล SET Awards 2023 สาขา Sustainability Excellence กลุ่มรางวัล Commended Sustainability Awards จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 34 บริษัทที่ได้ ได้ SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ที่ระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด รวมถึงได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนติดต่อกันเป็นปีที่ 4 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG100 ประจำปี 2566 ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันไทยพัฒน์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยติดอันดับ 1 ใน 8 บริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่ม Electric Utilities & Power Generators จากการประเมินในกลุ่มทั้งหมด 67 บริษัท

ด้านการดูแลสังคมและชุมชน: CKPower ได้รับรางวัลชนะเลิศด้าน Social Empowerment จากเวที Asia Responsible Enterprise Awards 2023 ซึ่งเป็นรางวัลจากองค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ยังได้รับรางวัล CSR-DIW Award 2023 จาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเป็นการได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ในฐานะเป็นองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงต่อเนื่องในระยะยาว ตลอดจนการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และบริษัทยังได้รับรางวัล The Asset ESG Corporate Awards 2023 สาขา Best Initiative – Social Responsibility จากโครงการหิ่งห้อย ที่สร้างคุณค่าและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมและชุมชนอย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

รางวัลทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนกำลังใจให้กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ที่ได้ทุ่มเทและเป็นกำลังสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทำให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายและมีความก้าวหน้าในมิติที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นด้านการเติบโต (Growth) การสร้างผลตอบแทน (Profitability) และการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งล้วนแต่จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในระยะยาว

เป้าหมายการเติบโตในระยะยาว: บริษัทได้ลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดพร้อมวางรากฐานทางพลังงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ในปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมด 3,633 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตจากพลังงานสะอาดสูงถึง 93% และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานสะอาดเป็นไม่น้อยกว่า 95% เพื่อก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรต่ำที่สุดของภูมิภาค มีผลการดำเนินงานที่ดีในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อม โดยมีผลประกอบการที่มั่นคง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างสมดุลให้กับโลก และมีการปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593

ในนามคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ผมขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน พันธมิตร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกภาคส่วนที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคอาเซียน ด้วยการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน สุดท้ายนี้ บริษัทจะดำเนินธุรกิจด้วยความชื่อสัตย์ โปร่งใส ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่กับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมผลักดันให้ทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ดร. ทนง พิทยะ

ประธานกรรมการบริษัท